ระดมยักษ์ใหญ่สร้าง “พิซซ่า โมเดล” ปฎิรูปอุตสาหกรรม SMEs
สู้วิกฤตเศรษฐกิจและการเมือง
เมื่อวันที่ 21
กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมานี้ - กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม (กสอ.)
กระทรวงอุตสาหกรรม ร่วมกับสมาคมธุรกิจไม้ จัดสัมมนาในหัวข้อ “Pizza Model” โมเดลความอยู่รอดอุตสาหกรรม SMEs เพื่อการอยู่รอดอย่างสร้างสรรค์รับมือ
AEC และ
การค้าชายแดนตอบโจทย์ทุกวิกฤติทั้งเศรษฐกิจ และการเมือง โดยภายในงานผู้ทรงคุณวุฒิที่เป็นกูรูชั้นนำด้านอุตสาหกรรมทั้งภาครัฐและเอกชน
อาทิ คุณวิศิษฎ์ ลิ้มประนะ รองประธานสภาอุตสาหกรรม ,คุณโฆษิต ปั้นเปี่ยมรัษฎ์
ประธาน TDRI, คุณสนั่น
อังอุบลกุล
รองประธานกรรมการหอการค้าไทย และ สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย และคุณบุญชัย โชควัฒนา ประธานบริษัท สหพัฒนพิบูล จำกัด
(มหาชน) เป็นต้น ณ ห้อง Meeting room 3 - 4 ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ โดยได้รับเกียรติจาก ดร. วิฑูรย์ สิมะโชคดี
ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวปาฐกถาพิเศษ และ คุณอรรชกา สีบุญเรือง อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม ร่วมเปิดงาน ซึ่งภายในงานได้รับความสนใจจากผู้ประกอบการSMEs เข้าร่วมรับฟังจำนวนมาก ส่วนใหญ่เป็นคนหนุ่มสาว คนรุ่นใหม่
และที่สำคัญจากความร่วมมือของทุกฝ่ายระดมสมองเพื่อหาทางออกธุรกิจ SMEs
จนได้เกิด “พิซซ่า โมเดล (Pizza Model)” ขึ้น ประกอบด้วย 6 แนวทาง ได้แก่
1.เลือกพัฒนาธุรกิจให้เด่นเฉพาะทาง
(Niche Development)
2.มุ่งสู่ทิศทางที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม (Green Mindset)
3 ปรับวินัย และระบบสร้างสภาพคล่องทางการเงิน (Smart Finance)
4กลยุทธ์เครือข่ายธุรกิจเพื่อความอยู่รอด (Network Strategy)
5.พร้อมเป็นนักฉวยโอกาส ขยายตลาดธุรกิจ (Opportunist)
6.ธุรกิจบนพื้นฐานความถูกต้อง ถูกกฏหมาย ยุติธรรม (Right
Mindset)
โดยโมเดลดังกล่าวคาดว่าจะสามารถสร้างความรู้แก่
SMEs
ภาคอุตสาหกรรมไทย ในภาพรวม
รวมถึงตระหนักถึงผลกระทบที่จะเกิดขึ้นของการเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน การพัฒนาศักยภาพของผู้ประกอบการให้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านพร้อมปรับตัวตามเทคโนโลยีที่ทันสมัย
และการเข้าถึงแหล่งเงินทุนเพื่อสนับสนุนในการประกอบธุรกิจในสภาวะฉุกเฉิน ตลอดจนการสร้างเครือข่ายความร่วมมือระหว่างประเทศในสาขาอุตสาหกรรมที่มีศักยภาพ
อันจะนำไปสู่การสร้างอำนาจการต่อรองแก่ผู้ประกอบการ
คุณวิศิษฎ์ ลิ้มประนะ รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย กล่าวว่า แนวทาง การสร้างโอกาสทางธุรกิจ
(Opportunity) ของ SMEs ซึ่งเป็นหัวข้อสำคัญไม่น้อยไปกว่าแนวทางอื่นๆอีก
5 แนวทาง เพื่อให้รับกับยุค AEC โดยSMEs นั้นมีโอกาสที่สามารถขยายช่องทาง หรือโอกาสทางการค้าได้ โดยเฉพาะช่องทางการค้าชายแดน เนื่องจากประเทศไทย มีแนวชายแดนติดต่อกับประเทศเพื่อนบ้านเป็นระยะทางยาวกว่า
5,300 กิโลเมตร อีกทั้งทำเลที่ตั้งอยู่กึ่งกลางของภูมิภาค และมีระบบคมนาคมเชื่อมโยงอย่างทั่วถึง
การรวมกลุ่มของประชาคมอาเซียนจะทำให้เกิดโอกาสทางธุรกิจเพิ่มสูงขึ้น สิทธิประโยชน์ทางภาษีอากร (GSP) ที่ประเทศเพื่อนบ้านได้รับ เอื้ออำนวยต่อการใช้เป็นฐานการผลิต เพื่อส่งออกไปประเทศที่สาม
กลุ่ม ASEAN และ GMS มีตลาดที่มีขนาดใหญ่มากประเทศเพื่อนบ้าน
มีต้นทุนวัตถุดิบ และแรงงานต่ำกว่าประเทศไทย
และประเด็นที่สำคัญมากคือ มีกรอบความร่วมมือทางเศรษฐกิจกับประเทศเพื่อนบ้าน
เช่น GMS, BIMSTEC, ACMECS และ
IMT-GT เป็นต้น
ยิ่งปัจจุบันได้รับความร่วมมือจากราชการประจำโดยเฉพาะกระทรวงอุตสาหกรรม
ซึ่งนำโดย ดร. วิฑูรย์ สิมะโชคดี ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม
ที่ให้การสนับสนุนและส่งเสริมอุตสาหกรรม SMEs โดยผ่านช่องทางหน่วยงานที่สังกัด ยิ่งจะช่วยเพิ่มศักยภาพการแข่งขันให้
อุตสาหกรรม SMEs มีโอกาสแข่งขันทางการค้ามากยิ่งขึ้น ซึ่ง
พิซซ่า โมเดล จะเป็นแนวทางให้ผู้ประกอบการอุตสาหกรรม SMEs สามารถนำไปปรับใช้กับธุรกิจของตนเอง
เพื่อพัฒนาธุรกิจในด้านต่างๆให้ทันโลกทันเหตุการณ์ในยุคปัจจุบันนี้
ทางด้าน นายจิรวัฒน์
ตั้งกิจงามวงศ์ นายกสมาคมธุรกิจไม้ และ ประธานสภาผลิตภัณฑ์ไม้แห่งอาเซียน
กล่าวว่า จากการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกตั้งแต่ปี 2555
ประกอบกับวิกฤตการเมืองในประเทศ ส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรม
ทั้งอุตสาหกรรมนำเข้าและอุตสาหกรรมเพื่อผลิตและจำหน่ายในประเทศ
ซึ่งส่งผลกระทบโดยตรงต่อ SMEs ของไทย ทำให้ยอดขายทั้งปีเฉลี่ยลดลงร้อยละ 15-20
เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งส่งผลต่อการใช้จ่ายภาคครัวเรือนให้มีการชะลอตัวตามไปด้วย
โดยเฉพาะ SMEs ของอุตสาหกรรมไม้
ซึ่งมีการคาดการณ์ว่าภาคการส่งออกอาจทรงตัวหรือขยายตัวลดลงไปจนถึงกลางปีนี้เลยทีเดียว
ซึ่งปัญหาใหญ่ของ SMEs อุตสาหกรรมไม้
นอกจากจะมีแนวโน้มทรงตัวและลดลงแล้ว ต้นทุนการผลิตยังสูงขึ้น ซึ่งธุรกิจ SMEs ส่วนใหญ่
เป็นผู้ประกอบการขนาดกลางและรายย่อยซึ่งขาดอำนาจการต่อรองกับซัพพลายเออร์กลางน้ำและต้นน้ำ
ซึ่งเป็นผู้ประกอบการรายใหญ่ ทำให้ต้นทุนการผลิตเพิ่มขึ้น อีกทั้ง ค่าขนส่งปรับตัวสูงขึ้น
ส่งผลให้สินค้าราคาแพงมากขึ้น ทำให้กำลังซื้อภายในประเทศลดลง
ขณะเดียวกันลูกค้าต่างประเทศก็ไม่มั่นใจในเสถียรภาพของกิจการ
จึงทำให้กำลังซื้อหยุดชะงัก ส่งผลต่อเนื่องสู่ปัญหาการขาดสภาพคล่อง
เกิดเป็นภาวะหนี้สะสม ซึ่งเป็นปัจจัยเสี่ยงในการดำเนินธุรกิจของอุตสาหกรรมไม้ ดังนั้น ภาครัฐจึงมีส่วนสำคัญในการออกมาตรการด้านการเงินแก่กลุ่ม
SMEs เพื่อช่วยสนับสนุนให้เข้าถึงแหล่งทุนได้ย่างแท้จริง
อาทิ ปรับกฎระเบียบของธนาคารให้ผู้ประกอบการเข้าถึงแหล่งทุนได้ง่ายขึ้น
จัดโครงการต่าง ๆ เพื่อการพัฒนาศักยภาพผู้ประกอบการ
ตลอดจนการสร้างความมั่นใจให้แก่นักลงทุนต่างชาติ เช่นเดียวกับที่กรมส่งเสริมอุตสาหกรรมจัดกิจกรรมสัมมนา
“พิซซ่า โมเดล” ในครั้งนี้
ที่ภาครัฐและเอกชนเห็นความสำคัญของการดำเนินธุรกิจของผู้ประกอบการ SMEs ที่ต้องเผชิญกับภาวะวิกฤต จึงต้องมาร่วมกันหาทางออกและขจัดอุปสรรคต่าง ๆ
ที่จะส่งผลต่อความอยู่รอดของ SMEs ของไทย เพื่อการการพัฒนาอุตสาหกรรม
SMEs ไทยอย่างยั่งยืน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น